•TOP-MANGA•
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

•TOP-MANGA•

~•เว็บบอร์ดของคนรักเเละชื่นชอบการ์ตูน•~
 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)
~สวัสดีครับ~ ทางเว็บได้เปิดรับสมัครทีมงานเเล้วนะครับ ถ้าใครสนใจก็สามารถติดต่อมาได้เลยนะครับ หรืออ่านรายละเอียดได้ที่ ฟอร์ม Announcements ได้เลยนะครับ ด่วน!!!

 

 ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก

Go down 
+3
momotaro01
Green_Master
masterqza
7 posters
ผู้ตั้งข้อความ
masterqza
Fiction
masterqza


จำนวนข้อความ : 10
Join date : 11/04/2010
Age : 41
ที่อยู่ : phitsanulok

ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก   ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก I_icon_minitimeThu Sep 09, 2010 11:28 pm

ตอนที่1
บทสนทนาของสองพ่อลูก
เสียงกริ๊งดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกเวลาว่าได้จบคาบเรียนให้ภาคเช้าแล้วเหล่านักเรียนที่เรียนที่นี่เป็นปีสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมลาคอนเซีย ได้ทยอยเดินออกจากห้องเรียนซึ่งตอนนี้ได้มี
นักเรียนกลุ่มสุดท้ายที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเรียนในคาบเรียนของอาจารย์เฮร่าผู้สอนวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งตอนนี้ได้มีเสียงบ่นของใครบางคนดังลอยมาจากข้างหลังเพื่อเป็นการบอกว่าเขารู้สึกเช่นไรกับการเรียนที่นี่เป็นปีสุดท้าย
"ทำไมเทอมนี้มันเรียนหนักจังอ่ะ"
เป็นเสียงของชายหนุ่มหนึ่งในสี่คนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเรียนชายหนุ่มผู้มีสีและทรงผมน้ำตาลอ่อน นัยตาสีดำ ใส่เสื้อเชิร์ตสีน้ำเงินขาว ผูกเนกไทด์แบบหลวมๆแล้วคลุมทับด้วยเสื้อสูตรสีดำมีตราดาบไขว้และตราชั่งอยู่ตรงกลางตราประจำโรงเรียนลาคอนเซีย
"แกจะมาเดินบ่นทำไมให้เมื่อยปากล่ะลีโอนี่ก็เทอมสุดท้ายแล้ว ทนๆเรียนไปเถอะ”
เสียงปลอบใจของเพื่อนร่วมชั้นเรียนและเพื่อนคนสนิทชายหนุ่มผมยาวสีแดงที่ตอนนี้ต้องเอาเชือกเส้นเล็กๆมามัดผมไว้ไม่ให้รำคาญมากไปกว่านี้
"แกพูดได้นิเซส ไม่ใช่ฉันนิ"เจ้าตนชอบบ่นยังบ่นไม่เลิก "ก็เพราะว่าฉันไม่ใช่นายเลยไม่เข้าใจความรู้สึกของนายตอนนี้ยังไงล่ะ"
เซสที่ตอนนี้อารมณ์ชักเริ่มกรุ่นขึ้นมานิดๆ แล้วคนที่มาเป็นกรรมการตัดสินการโต้วาทีครั้งนี้ก็คือลูคัสเช่นเคย เพื่อไม่ให้ลุกลามจนต้องมากลายเป็นมวยคู่เอกของวันนี้เขาจึงต้องเข้าห้ามทัพ "พวกนายสองคนก็เลิกวิวาทกันได้แล้ว แล้วก็เอาเวลาที่มาทะเลาะกันไปอ่านหนังสือเตรียมสอบจะเป็นการดีกว่าไหม"
ซึ่งทั้งสองคนพอได้ฟังกรรมการตัดสินและยกเหตุผลอันน่าเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายแล้ว ทั้งสองคนเลยเดินห่างกันแบบไม่อยากเห็นหน้ากันอีกแล้วในชาตินี้ ลอร์เรนพอได้เห็นเหตุการณ์เป็นเช่นไรจึงได้แต่ส่ายหน้าพร้อมบอกให้ไปกินข้าวกลางวัน "พวกเราฉันว่าไปกินข้าวกันดีกว่าไหมพวก"
"ก็ดีเหมือนกันลอร์เรนฉันเองก็หิวจะแย่อยู่แล้ว"
ลูคัสเอ่ยรับคำชวน แล้วพวกเขาก็เดินกันไปที่โรงอาหารเพื่อหาของกินดับความกระหาย ซึ่งในความคิดของลอร์เรนคิดว่าที่สองคนทำท่าว่าจะวางมวยต่อยกันนั้นเพราะอาจจะหิวข้าวแล้วก็ได้ เลยต้องต่อยกันฆ่าเวลาหิว ในเวลากลางวันเช่นนี้โรงอาหารจึงเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนมัธยมปลายที่นั่งรับประทานอาหารแล้วหากสังเกตุให้ดีๆก็จะมีกลุ่มคนบางกลุ่ม
หรืออาจจะหลายกลุ่มที่จับเอาหนังสือมานั่งอ่านพร้อมรับประทานอาหารไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเรียน พอดีกับที่ลีโอเดินสอดส่องสายดูพวกที่นั่งอ่านหนังสือคงคิดว่าอยากทำแบบนั้นเหมือนพวกนี้บ้าง แต่ก็คงยากเหลือเกินที่จะทำแบบนั้นได้เพราะนิสัยไม่ค่อยอยากอ่านหนังสือเรียนมันได้หยั่งรากลึกลงไปแล้ว เดินมาได้สักพักพวกเขาก็หาที่นั่งกันได้แล้วก็เอากระเป๋าเป้วางไว้บนโต๊ะที่ได้จับจองไว้แล้ว และลีโอก็ขออาสานั่งเฝ้าของให้เพื่อนเองซึ่งเพื่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ลูคัสก็ยังมีน้ำใจที่บอกว่าจะเอาอาหารมาเผื่อให้ ส่วนเขาก็นั่งคิดอะไรเพลินๆเพื่อไม่ให้สมองนั้นว่างมากเกินไป เป็นช่วงเดียวกับที่กลุ่มเพื่อนสาวร่วมห้องเดินผ่านหลังโต๊ะที่เขานั่งไปพอดี แต่คนช่างสังเกตุอย่างนาเดียมีหรือจะเดินผ่านจากไปง่ายๆเลยหยุดเรียกให้เพื่อนๆนั้นหยุดดูใครบางคนที่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้น แล้วคุณเธอก็ให้เป็นหน้าที่ของอมีเรียทำหน้าที่สะกิดเรียกเพื่อนชาย แล้วอมีเรียก็ใช้มือสะกิดยู่ห้าครั้งแต่เจ้าโดนสะกิดกลับไม่รู้สึกตัวนาเดียเลยบอกให้อมีเรียเขย่าแรงๆดูสิ ปรากฎว่าได้ผลดีเกินคาดเพราะเจ้าตัวนั้นสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว แล้วนึกขึ้นได้ว่าใครมาสะกิดจังหันไปดูด้านหลังจึงพบว่าเป็นเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนนี้เอง "เป็นอะไรมากรึเปล่านั่งเหม่อเชียว"
อมีเรียไม่พูดพร่ำทำเพลงถามขึ้น
"ไม่ได้เป็นอะไรหรอก"

เขาเลยตอบไปแบบที่นึกคำตอบไม่ออกก็บอกมันแบบนี้นี่แหละ "แน่ใจน่ะว่าไม่เป็นอะไร"
นาเดียเอ่ยถามสำทับเพื่อความแน่ใจในที ว่าเจ้าคนนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นเมื่อกี้ไม่เป็นอะไรมากอย่างที่พูด "ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆน่ะ"
เขาเลยยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นแล้วก็ถามต่อไปอีกว่ามาทำไม
"แล้วพวกเธอมาทำอะไรแถวนี้ล่ะเนี่ย"
แล้วคนที่เสนอตัวตอบคำถามนี้ก็คือแม่คนช่างสังเกตุ "ก็มากินข้าวสิถามได้ พอดีเห็นนายนั่งนิ่งเลยมาสะกิดเล่นเฉยๆ"
ไม่พูดเปล่าหัวเราะด้วย
หลังจากที่สาวๆเดินผ่านไปได้ไม่นานนักเหล่าเพื่อนสนิททั้งหลายจึงเดินมาถึงที่นั่งซึ่งมาพร้อมกับจานของคนที่นั่งเฝ้าของให้
ส่วนเจ้าตัวก็เอ่ยขอบใจเพื่อน แล้วลอร์เรนก็เอ่ยถามขึ้นเบาๆเพราะสงสัยว่าสาวเจ้าทั้งหลายมาหาเขาทำไม "ว่าแต่สาวๆกลุ่มนั้นเขามาหานายทำไมหรอ?"
พอลีโอได้ยินเช่นนั้นก็ตอบออกไปว่า
"ถ้านายหมายถึงพวกอมีเรียกับนาเดียร์ล่ะก็พวกนั้นแค่แวะมาทักทายไม่มีอะไรหรอกน่ะ"
ลีโอจึงตอบกลับแบบขอไปที ซึ่งทุกคนที่เพิ่งกลับมาจากการไปรับอาหารมาที่พอฟังแล้วจึงคิดตามได้ทันที ส่วนสมาชิกที่เดินตามมาสมทบก็คือ มาร์ติน ดีโฟเน่ กับ วิลเลี่ยม ฟาริโน่ แล้วเซสที่ถืออาหารมาสองจาน จานหนึ่งก็ของลีโออีกจานก็ของตัวเอง จึงได้วางสองจานลงพร้อมกัน แต่ละคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความสามารถแตกต่างกันออกไป ได้แก่ ลูเธอร์มีความสามารถในด้านพลังจิตที่สามารถควบคุมสิ่งของต่างๆได้ดังใจนึก และยังสามารถใช้พลังจิตในการควบคุมคนให้อยู่ภายใต้คำสั่งของตัวเองได้อีกด้วย ลอร์เรนท์มีความสามารถในการแปรเปลี่ยนสิ่งต่างๆให้กลายเป็นของที่ตัวเองต้องการได้อีกด้วย หรือจะพูดให้ถูกคือควบคุมธาตุได้นั้นเอง เซสมีความสามารถในการสื่อสารกับสัตว์ได้ทุกประเภทโดยการสื่อสารกันทางจิตนั้นเอง แล้วยังสามารถเรียกสัตว์เทวะออกมาใช้งานได้ในบางตัวเท่านั้น ส่วนคนสุดท้ายก็คือลีโอผู้มีความสามารถใช้ศาสตราได้ทุกประเภท แถมยังใช้เวทย์มนต์ผสมกับศาสตราได้อย่างกลมกลืนอีกด้วย ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นคือความสามารถเฉพาะด้านของแต่ละบุคคลเท่านั้น
“ลีโอปีนี้นายจะสอบเข้าเรียนที่ไหน?”
เสียงถามใคร่รู้ของวิลเลี่ยม ที่ปีนี้เจ้าตัวคงจะเลือกเรียนที่ลาฟูเรส บ้านเกิดของตัวเอง โรงเรียนที่ลาฟูเรสส่วนมากจะเน้นการวางแผนและการบริหารเสียส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยมีโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับวิชาการสื่อสารที่ตัวเองต้องการสักเท่าไหร่ ลีโอพอได้ยินเรื่องที่จะสอบเข้าเรียนก็ลืมซะทุกครั้ง สาเหตุก็มาจากยังไม่อยากคิดมากเพราะกว่าจะสอบเข้าเลือกที่เรียนก็อีกสามเดือน ตัวเองจึงยังไม่ได้คิดไว้ แล้วจึงตอบออกไปแบบที่ลูเธอร์ก็คงคิดไว้แต่แรก
“ยังไม่ได้คิดเลยว่ะเพื่อน”
เพราะทุกคนรู้ดีว่าลีโอเคยคุยกับพ่อของตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งคนที่นำมาบอกเล่าก็คือเซสที่บังเอิญวันนั้นจะไปเล่นที่บ้านลีโอ แต่กับไปได้ยินบทสนทนาอันร้อนแรงของสองพ่อลูกที่ทำตัวเหมือนเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ทุกคนในที่นี่ต่างพากันคิดว่าวิลเลี่ยมไปถามในสิ่งที่ไม่ควรถามเข้าให้เสียแล้ว “ไม่เป็นไรหรอกน่าลีโอค่อยๆคิดไปเดี๋ยวก็ได้ที่เรียนที่ถูกใจเองแหละ”
มาร์ตินที่จับความรู้สึกได้รางๆว่าบรรยากาศเริ่มเคร่งเครียดมากเข้าไปทุกทีจึงได้แต่พูดปลอบใจไปเท่านั้นเอง เพราะก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงให้เป็นการไม่เสียน้ำใจเพื่อน ทั้งๆที่เรียนมาห้าปีก็ยังไม่มีวิชาการเจรจาทางการทูตให้ได้เรียนสักที
“บ่ายนี้มีวิชาที่ต้องเรียนต่อรึป่าว?”
คำถามที่ตัดบรรยากาศเคร่งเครียดของลูคัส
“ดูจากตารางเรียนในวันนี้รู้สึกว่าไม่มีเรียนคาบบ่ายน่ะ”
คำตอบที่แทบจะตอบในทันทีของวิลเลี่ยม พอทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าแม้ไม่มีเรียนในภาคบ่ายนี้ แต่ก็ต้องจัดหนังสือเรียนเพื่ออ่านล้วงหน้าก่อนสอบปลายภายเรียนที่จะมีขึ้นในอีกสามเดือน สำหรับพวกเขาในที่นี้ไม่มีปัญหามากนัก แต่สำหรับบางคนอาจจะมี
“ในเมื่อไม่มีเรียนคาบบ่าย ฉันว่าพวกเราควรจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ว่าไงเซส?”
อยู่ดีๆคนที่ทำท่าเหงาซึมก็ร่าเริงขึ้นมาซะอย่างนั้น แถมยังพูดออกมาด้วยความดีใจพร้อมทั้งลากเพื่อนสนิทไปด้วย จึงสร้างความประหลาดใจปนสับสนให้แก่เพื่อนๆที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นอย่างมาก ต่างคนต่างก็มองหน้าหาคำตอบให้ตัวเองว่าอะไรทำให้เพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หรือเพราะว่าไม่มีเรียนในภาคบ่าย เมื่อคิดได้อย่างนั้นลอเรนซ์จึงได้บอกเพื่อนๆให้แยกย้ายกันกลับบ้าน
แถมยังเอ่ยปากชวนว่าอยากนัดเลี้ยงข้าวเพื่อนๆร่วมชั้นเรียน แล้วให้เอาข่าวนี้ไปบอกเพื่อนๆที่เหลือให้ด้วย ซึ่งคนทำหน้าที่นี้ก็คือมาร์ติน ส่วนเจ้าลีโอน่ะหรอ? ชวนเจ้าเพื่อนซี้ซิ่งหนีกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว จึงยังไม่ได้ทันฟังงานนัดเลี้ยงฉลองที่เป็นที่โปรดปรานของเจ้าสองคนนั้น หากมีงานเลี้ยงที่ไหนย่อมต้องมีคู่ขาคู่นี้อยู่ในงานนั้นด้วย
.............................................................................................................................................................
หลังจากที่ไปส่งเพื่อนกลับบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขี่มอร์เตอร์ไซด์กลับเข้าบ้านทันที่ โดยที่ไม่แวะที่ใดเลย พอเดินเข้าไปก็เห็นน้องสาวตัวเองนั่งดูรายการทีวีสารคดีเกี่ยวกับสัตว์อยู่ ส่วนพ่อกับแม่นั้นยังหาไม่เจอเลย
“จินนี่! พ่อกับแม่อยู่ไหน?”
เมื่อกลับมาเจอแต่น้องสาวตัวเอง เลยลองถามน้องดูว่าพ่อแม่ไปไหน ซึ่งเจ้าน้องตัวดีคงน่าจะรู้ดีว่าท่านทั้งสองไปไหน
“อ้าว!พี่ชายกลับมาแล้วหรอ!พ่อยู่ที่ห้องทำงาน ส่วนแม่ไปตลาด”
น้องสาวที่พอเห็นพี่ชายกลับมาบ้านก็ยิ้มด้วยความดีใจ ด้วยที่ว่าเย็นนี้คงมีเพื่อนเล่นแล้ว พอได้ยินคำตอบเช่นนี้ตัวเองจึงไม่ค่อยแปลกใจนัก เพราะคิดไว้แล้วว่าถ้าพ่อไม่ติดงานที่กองงานทหาร ก็จะยกงานที่กองงานมาทำที่บ้านเป็นประจำ จนกลายเป็นภาพที่เห็นจนชินแล้ว ส่วนแม่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงต้องรีบไปจ่ายตลาดทั้งๆยังไม่เย็นเลย คิดได้ดังนั้นก็เตรียมตัวจะเดินไปห้องทำงานพ่อทันที แต่ยังไม่ทันได้เดินก็ได้ยินเสียงน้องตัวเอ่ยปากช่วนเล่นเกมลับสมองเข้าให้แล้ว
“พี่ชายบ่ายนี้ถ้าพี่ไม่ไปไหนอยู่เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนจินนี่หน่อยสิ ”
เสียงหวานใสของน้องสาววัย16ปีที่ตอนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนสตรีซาเวล ซึ่งอยู่ใกล้ที่ทำงานของพ่อ
“อืม แต่ตอนนี้พี่ขอไปคุยธุระกับพ่อหน่อยน่ะ แล้วจะออกมาเล่นด้วย”
เขาจึงตอบตกลงไป เพราะยังไงบ่ายนี้ก็ไม่คิดอยากจะไปเที่ยวเล่นไหนแล้วนิ
“อย่าคุยกันนานน่ะค่ะ”
เสียงตะโกนจากด้านหลังขณะที่เขากำลังเดินไปที่ห้องทำงานของพ่อ ในระหว่างที่กำลังเดินไปยังห้องทำงานของพ่อในใจก็คิดไปด้วยว่าจะพูดอะไร ตั้งแต่หนึ่งเดือนที่แล้วมานี้ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
เพราะพ่องานยุ่งมาก จนกลายเป็นว่าเขาสนิทกับแม่มากกว่าพ่อไปแล้ว พอเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของพ่อ เตรียมที่จะเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเจ้าของห้องตามมารยาทที่คนทั่วไปปฎิบัติกัน จู่ๆก็ได้ยินเสียงว่าให้เข้ามาในห้องซะอย่างนั้น จนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าพ่อรู้ได้ยังไงว่าเขาจะมา เมื่อพ่ออนุญาตเขาก็เดินเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องทำงานของพ่อเขาเป็นห้องทำงานขนาดกลางภายในสร้างด้วยเนื้อไม้โอ๊กทั้งหมด ส่วนฝาผนังด้านหลังโต๊ะทำงานของพ่อคือแผนที่เมืองหลวงลาดาลัส
อ้อ!ลืมบอกไปว่าพ่อชอบวาดรูป ยังไม่ทันที่จะหาที่นั่ง พ่อที่ชอบทำตัวเหมือนเพื่อนเล่นก็เปิดบทสนทนา
“ทำไมวันนี้กลับบ้านมาไวจังไอ้ลูกชายตัวแสบ?”
เสียงเปิดบทสนทนาได้น่าฟังมากพ่อเรา
“วันนี้ไม่มีเรียนตอนบ่าย ก็เลยได้กลับมาเร็ว”
เมื่อถามมาก็ตอบไปตามมารยาทผู้สนทนาที่ดีเขาพึงกระทำกัน
“แล้วไม่อยู่เล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนรึไง”
“ก็เพื่อนๆกลับบ้านกันหมดจะให้ผมอยู่กับใครล่ะครับ”
“ปรกติเห็นแกชอบอยู่โรงเรียนมากกว่าบ้านไม่ใช่รึไง”
“อยู่โรงเรียนมันน่าเบื่อน่ะพ่อก็เลยกลับบ้านดีกว่า”
ตอนแรกก็ว่าจะเข้ามาคุยธุระเรื่องที่เรียนต่อ แต่เห็นพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อตอนนี้แล้ว ชักหมดอารมณ์ที่จะคุย ตอนนี้ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอีกครั้ง คนเป็นลูกก็ยืนเงียบไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
ส่วนคนเป็นพ่อก็นั่งรอว่าลูกชายจะพูดอะไรหรือมีธุระจะปรึกษาหรือไม่ สรุปคือทั้งคู่ไม่มีอะไรจะพูดกันต่อแล้วนั้นเอง
“พ่อ!งั้นผมขอตัวออกไปข้างนอกก่อนก็แล้วกันน่ะ ไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของพ่อน่ะ”
เขาจึงเรียกพ่อให้หันหน้ามามองอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวออกจากห้องทำงานของพ่อ ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วคนเป็นพ่อจึงพยักหน้าอนุญาตอีกครั้ง แล้วเสียงปิดประตูห้องทำงานก็เงียบลงทันที
ผู้ที่ได้ฉายาทางการทหารว่า ‘สายตาพญาเหยี่ยว’ก็คือ ‘ลูซิเฟอร์’เหตุที่ได้ฉายานี้มาก็เพราะว่าบุคคลผู้นี้คือผู้คัดสรรคนเข้ากองทัพและมีสายตาอันแหลมคมว่าใครเหมาะสมที่จะได้เข้ามารับใช้งานในกองทัพ แล้วตอนนี้เขาก็กำลังจะหาคนที่จะมาทำงานต่อจากเขา ผู้เป็นพ่อก็ได้แต่หวังไว้ว่าสักวันหนึ่ง ลูกชายจะเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่อจากเขาเมื่อถึงเวลาอันสมควร แล้วตอนนี้พ่อจะทำอย่างไรได้เมื่อคนเป็นลูกผู้เปรียบเหมือนตัวแทน ไม่มีทีท่าว่าจะเหมาะสมเลยสงสัยเขาคงจะต้องสอนเรื่องการใช้ความคิดและการพูดจาให้มากกว่านี้สักหน่อย ไม่อย่างนั้นเจ้าลูกชายตัวดีจะเป็นที่พึ่งให้ใครไม่ได้เลย

ขึ้นไปข้างบน Go down
http://top-manga.darkbb.com
Green_Master
Admin
Admin
Green_Master


จำนวนข้อความ : 99
Join date : 08/04/2010
Age : 30
ที่อยู่ : •อยู่ในใจเธอคนเดียว•

ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก   ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก I_icon_minitimeFri Sep 10, 2010 8:57 am

เดี่ยวผมจะประเดิมอ่านคนเเรกเลยละกันครับพี่ อิอิ m_sorri m_sorri
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://top-manga.darkbb.com
momotaro01
เด็กฝึกหัด
เด็กฝึกหัด



จำนวนข้อความ : 10
Join date : 05/07/2010

ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก   ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก I_icon_minitimeFri Sep 10, 2010 9:13 am

นั่งอ่านจนตาลายเลยม่ะกี้ สนุกมากคร้าบ

ว่างๆก็เเต่งต่อนะคร้าบ จะติดตามมมมม อิอิ lol!
ขึ้นไปข้างบน Go down
จังโกะ
เด็กฝึกหัด
เด็กฝึกหัด



จำนวนข้อความ : 3
Join date : 14/08/2010

ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก   ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก I_icon_minitimeFri Sep 10, 2010 9:19 am


หนุกค่ะ ชอบๆ *.*
ขึ้นไปข้างบน Go down
logo007
เด็กฝึกหัด
เด็กฝึกหัด



จำนวนข้อความ : 11
Join date : 11/09/2010

ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก   ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก I_icon_minitimeSat Sep 11, 2010 1:44 am


ขอบคุณคร้าบ จะติดตามนะครับ m_sorri
ขึ้นไปข้างบน Go down
otakuman
เด็กฝึกหัด
เด็กฝึกหัด



จำนวนข้อความ : 9
Join date : 19/09/2010

ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก   ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก I_icon_minitimeSun Sep 19, 2010 12:42 am

หนุกคร้าบ เเต่งอีกๆ

eeee eeee
ขึ้นไปข้างบน Go down
สุดสวย
Moderators
Moderators



จำนวนข้อความ : 4
Join date : 10/04/2010

ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก   ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก I_icon_minitimeThu Sep 30, 2010 3:04 am

ใจจ้า
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
ศึก4จตุรเทพจอมราชันย์ ตอนที่1บทสนทนาของสองพ่อลูก
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
•TOP-MANGA• :: •Talk Of The Town• :: Fiction-
ไปที่: